วิจัยกินได้ รับใช้ชุมชน
Home
Contents
Articles
Quiz
Members
Sponsor
Print-friendly
MENU
ปรับปรุง : 2566-10-26 (ปรับรูปแบบ)
# 343 วิจัยกินได้ รับใช้ชุมชน
ได้เข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายวิจัยสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2555 ในหัวข้อ "วิจัยกินได้ รับใช้ชุมชน" ซึ่งมีวิทยากรระดับสุดยอดของประเทศจำนวน 3 ท่าน ที่เป็นต้นแบบของผู้ที่เคยชินกับการตั้งคำถาม และหาคำตอบอย่างมีกระบวนการ มานำเสนอบทเรียนที่นำไปสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน ในเรื่องของเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นฐานรากของมนุษย์มีเรื่องราวให้เรียนรู้ พัฒนา และต่อยอดได้อีกมาก
อ.เชาว์วัช หนูทอง จากลพบุรี มีคนเรียกท่านว่าวิศวกรชาวนา เป็นต้นแบบที่นำเสนอเทคโนโลยีการปลูกข้าวแบบโยนที่ช่วยลดปริมาณการใช้พันธ์ข้าว ลดเวลาการปลูกข้าวในนาปลูก ใช้แรงงานคนปลูกข้าวลดลงและเร็วขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ที่ท่านพัฒนาขึ้นมากมาย อาทิ นวัตกรรมทางการเกษตร ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่อาจนำมาใช้แทนปุ๋ยเคมีได้ในอนาคต ท่านมีศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวที่มีนักแสดง และหน่วยงานไปดูงานมากมาย มีคำคมที่ฝากไว้ อาทิ ปลูกสิ่งที่กินและกินสิ่งที่ปลูก ส่วน อ.ตะวัน ห่างสูงเนิน จากเรนโบว์ฟาร์ม พัฒนาพันธ์ข้าวใหม่ ชื่อข้าวหอมเวียงพิงค์ เพื่อการเกษตรอินทรีย์ ที่ล้มยาก มีลำต้นไม่สูง ท่านมีบทบทาเป็นตัวคูณในการพัฒนาเกษตรกรพันธ์ใหม่ในรูปของศูนย์ส่งเสริม และมีเกษตรกรเข้าร่วมกลุ่มหลายร้อยครอบครัว โดยเน้นการปลูกเชิงเกษตรอินทรีย์และจำหน่ายในท้องถิ่น มีคำคมฝากไว้ อาทิ Middle of the road และ Make it simple
ดร.ชมชวน บุญระหงษ์ ได้ขมวดปัญหาการทำเกษตร หรือการใช้เทคโนโลยีไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าจะใช้ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยอินทรีย์ ถ้ายังเป็นการเกษตรเชิงเดี่ยวก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน จะต้องใช้มิติทางสังคม และความเป็นชุมชน โดยปลูกสิ่งที่กิน และกินสิ่งที่ปลูก แล้วเปลี่ยนบทบาทของกลุ่มให้เป็นผู้กำหนดราคาขาย โดยอาศัยกระบวนการกลุ่มในการวางแผนร่วมกัน ดำเนินการ วิเคราะห์ ร่วมกันประเมินความเสี่ยง แก้ปัญหา และเดินไปด้วยกัน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแรง ร่วมใจ จึงจะทำให้การเกษตรของไทยในยุคที่กำลังก้าวเข้าสู่อาเซียนสามารถแข่งขันและไม่ถูกทิ้งห่างไปมากกว่าเดิม
ดร.ชมชวน บุญระหงษ์ ได้ขมวดปัญหาการทำเกษตร หรือการใช้เทคโนโลยีไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าจะใช้ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยอินทรีย์ ถ้ายังเป็นการเกษตรเชิงเดี่ยวก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน จะต้องใช้มิติทางสังคม และความเป็นชุมชน โดยปลูกสิ่งที่กิน และกินสิ่งที่ปลูก แล้วเปลี่ยนบทบาทของกลุ่มให้เป็นผู้กำหนดราคาขาย โดยอาศัยกระบวนการกลุ่มในการวางแผนร่วมกัน ดำเนินการ วิเคราะห์ ร่วมกันประเมินความเสี่ยง แก้ปัญหา และเดินไปด้วยกัน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแรง ร่วมใจ จึงจะทำให้การเกษตรของไทยในยุคที่กำลังก้าวเข้าสู่อาเซียนสามารถแข่งขันและไม่ถูกทิ้งห่างไปมากกว่าเดิม
บทความเมื่อเร็ว ๆ นี้
344.
นักศึกษาป.โทใช้ yammer.com
343.
วิจัยกินได้ รับใช้ชุมชน
342.
เทคโนโลยีทางการศึกษากับการวิจัย
341.
ชวนมองโอเอสของปี2556
ค้นในบทความ
กลับหน้าแรก
ใช้เวลาโหลดเว็บเพจ: 476 มิลลิวินาที สูง: 1698 จุด กว้าง: 1264 จุด
"ไม่เริ่มต้นในวันนี้ จะไม่มีทางสำเร็จในวันพรุ่ง" โดย โยฮัน ว็อล์ฟกัง ฟ็อน เกอเทอ
หน้าหลัก
Lampang.net
Thaiabc.com
Thainame.net
เปิดรับผู้สนับสนุนเพิ่ม
OS
MIS
SWOT
LINUX
Teach Pro.
SPSS
Business
Research
Online Quiz
Data Structure
จรรยาบรรณ
อันดับสถาบัน
ปฏิทินวันหยุด
วิทยาการคำนวณ
การจัดการความรู้
เกี่ยวกับเรา
สนับสนุนเรา
Products
FB : @Thaiall
Blog : เทคโนโลยี
Thaiall.com
Truehits.net